วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

มิลาน เมืองแห่งอดีตและอนาคต


มิลาน (Milan) หรือที่คนอิตาเลียนเรียกว่ามิลาโน่ (Milano) เป็นเมืองหลวงทางแฟชันของโลกแข่งกับปารีสในประเทศฝรั่งเศส เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจของอิตาลี นอกจากนั้นยังมีภาพวาดเฟรสโก้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และโรงละครโอเปร่าอันลือชื่อ วันนี้เราจะพาไปเดินเล่นรอบเมืองมิลานกัน

จุดแรกสุดที่ต้องแวะชมก่อนคือมหาวิหารแห่งเมืองมิลาน หรือที่เรียกว่าดูโอโม (Duomo) ชื่อนี้ไว้ใช้เรียกมหาวิหารประจำเมือง แทบจะมีดูโอโม่ทุกเมืองที่สำคัญ ๆ เลย น่าจะเป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของคนในเมือง ดูโอโม่ที่เมืองนี้สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เป็นมหาวิหารที่ใหญ่เป็นอับดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน

มหาวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1386 แต่มาแล้วเสร็จ 400 กว่าปีหลังจากนั้น คือในปี ค.ศ.1813 ด้านนอกเป็นยอดแหลม 135 ยอด จึงมีชื่อเล่นว่า "มหาวิหารเม่น" มีรูปสลักหินอ่อนจากยุคต่าง ๆ ประดับอยู่กว่าสามพันรูป

ยอดที่สูงที่สุดประดับด้วยรูปสลักพระแม่มาเรียสูง 4 เมตร หุ้มด้วยทองคำทั้งองค์ มีชื่อเรียกว่า "มาดอนนิน่า" (Madonnina)

ภายในมหาวิหารดูเรียบง่าย แต่โอ่อ่ากว้างขวาง ตามแบบโกธิก

ด้านหน้ามหาวิหารจะเป็นลานกว้าง เรียกว่า ปิอาซซ่า เดล ดูโอโม (Piazza del Doumo) เป็นศูนย์กลาง เป็นแหล่งชุมนุมของผู้คนมาทุกยุคสมัย

ด้านข้างของจตุรัสหน้าดูโอโมทางทิศเหนือ จะเห็นทางเข้ากัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน

ภายในห้างเป็นโดมแก้ว มีห้างร้านต่าง ๆ มากมาย  คล้ายกับอีกแห่งที่เมืองเนเปิลส์

น่าเดินเล่นเนอะ

ทะลุออกมาอีกด้านจะเจอโรงอุปรากรชื่อก้องโลก ลา สกาล่า (Teatro alla Scala) แห่งเมืองมิลาน สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1776-1778 ฝันอยากได้ไปดูอุปรากรที่โรงนี้ซักหนในชีวิต จะมีโอกาสป่าวน้อ

ข้างนอกดูงั้น ๆ แต่ข้างในสุดแสนจะเลิศหรูอลังการ

ใครรู้จักบุคคลในภาพบ้าง ถ้ารู้จักหมดแสดงว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ดนตรีคลาสสิกคนหนึ่งเลย

ด้านหน้าลา สกาล่า เป็นลานอีกแล้ว เรียกว่าปิอาซซ่า เดลลา สกาลา มีรูปปั้นของศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งของโลก คือลีโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci)

ในยุคนั้น เจ้าผู้ปกครองเมืองมิลานได้ว่าจ้างลีโอนาร์โดชาวเมืองฟลอเรนซ์ ให้มาผลิตผลงานที่เมืองมิลานแทน อยู่ฟลอเรนซ์ลำบาก ศิลปินดัง ๆ เยอะแยะอย่างเช่นมิเคลันเจโล หลบมาอยู่มิลานดีกว่า ไม่ค่อยมีคู่แข่ง ผลงานชิ้นสำคัญก้องโลกคือภาพวาดปูนเปียกที่ชื่อว่า The Last Supper อยู่ในเมืองมิลานนี่เอง ที่โบสถ์ซานตา มาเรีย เดลเล กราเซีย (Santa Maria delle Grazie) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ เป็นแห่งเดียวในมิลานที่ถูกกำหนดให้เป็นมรดโลก

ภาพ The Last Supper วาดโดยใช้เทคนิคการวาดภาพแบบปูนเปียก ลีโอนาร์โดได้ทดลองเรื่องของสีเพื่อให้อยู่ทนได้นาน ปัจจุบันยังคงเป็นที่ถกเถียงกันว่าวิธีการของท่านเป็นวิธีที่ทำให้สีทนนานขึ้นหรือว่าเป็นการให้อายุสั้นลง รวมทั้งวิธีการซ่อมแซมภาพนี้ก็ยังคงเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตามภาพเขียนนี้มีคุณค่าและความสำคัญอย่างมาก จนแดน บราวน์ได้หยิบไปแต่งเป็นหนังสือนิยายสืบสวนเรื่องรหัสลับดาวินชี (Da Vinci Code)

การจะเข้าชมภาพวาดนี้ต้องจองล่วงหน้าทางโทรศัพท์ มีการจำกัดจำนวนคนและเวลาที่อนุญาตให้ชม ซึ่งปกติก็ประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น ใครที่อยากชมอย่าลืมจองล่วงหน้านาน ๆ หน่อยนะครับ

ภาพนี้กว้าง 9 เมตร สูง 4.5 เมตร แต่ละข้างของพระเยซูมีสาวกแบ่งเป็นสองกลุ่ม ๆ ละ 3 คน รวม 12 คน เป็นฉากที่บรรยายถึงขณะที่พระเยซูประกาศว่ามีสาวกหนึ่งในนั้นที่จะทรยศต่อพระเยซู

จุดสำคัญแห่งหนึ่งในเมืองมิลานคือปราสาทสฟอร์เซสโก้ (Castello Sforzesco) เคยเป็นป้อมปราการของพวกตระกูลวิสคอนติ (Visconti) ต่อมาเป็นที่พำนักของผู้นำเผด็จการในช่วงศตวรรษที่ 15 คือตระกูลสฟอร์ซา (Sforza)

ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่สำคัญ

น้ำพุสวยงามหน้าปราสาท

จริง ๆ แล้ว มิลานไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่เป็นเมืองธุรกิจมากกว่า คนที่มาเมืองนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจหรือนักช้อปตัวยงมากกว่า

ตึกพิเรลลี่ (Pirelli Tower) เป็นตึกที่สูงที่สุดในมิลานและเคยสูงที่สุดในอิตาลีด้วย

แฟนฟุตบอลอิตาลีอาจจะอยากชมสนามบอลซานซิโร ซึ่งเป็นสนามเหย้าของทั้งทีมเอซีมิลานและอินเตอร์มิลาน แต่ต้องนั่งรถออกไปจากตัวเมืองนะครับถ้าจะไปชมสนามหรือชมการแข่งขันที่สนามนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น